วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตำป่าแซ่บๆๆ เด้อค่ะ


ตำป่า : เป็นอีกเมนูส้มตำที่มีรสชาติที่อร่อย น่าลองชิมมากค่ะ เด๋วต่อไปนี้ ปุ๋ยหมักจะบอกสูตรการทำนะค่ะ
เครื่องปรุง

◊ มะละกอ
◊ พริกสด พริกแห้ง 
◊ กระเทียม มะเขือเทศ มะกอก มะเขือเปราะ
◊ กุ้งแห้ง
◊ ปูเค็ม ปลาร้า น้ำปลา มะนาว ผงชูรสถ้าชอบ
◊ น้ำมะขาม น้ำตาลปี๊บ
◊ หน่อไม้ต้ม เม็ดกระถิน หอยโข่ง ถั่วฝักยาว ผักกระเฉด ถั่วงอก ผักกาดดอง ผักบุ้ง
◊ ปลากรอบเอาไว้โรยหน้าค่ะ ถ้าใช้ปลาซิวแดดเดียวทอดจะอร่อยมากเลยค่ะ 
 ขั้นตอนการทำ
1. ตำพริกกระเทียมแบบส้มตำทั่วไปเลยค่ะ ใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง ชิมรสตามชอบ ยกเว้นผักกับหอยนะคะใส่ทีหลังค่ะ 
2. ใส่เครื่องปรุงเสร็จแล้วเราก็ใส่เส้นมะละกอค่ะ 
3. ตามด้วยหอยโข่งกับผักต่างๆ ใส่ลงไปชิมรสตามชอบเลยค่ะ 
4. โรยปลากรอบค่ะ ถ้าใครมีกุ้งฝอยคั่ว โรยหน้าได้เหมือนกันค่ะ 
5. พร้อมเสิร์ฟ อร่อยสุดๆๆ


                                                                                                            ปุ๋ยหมัก

นิทานอ่านเล่นจร้า



ปรากฏในมหาเวสสันดรชาดก 
พระเวสสันดร
อันเป็นชาติสุดท้ายของการสั่งสมบารมีเพื่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

ชูชกเป็นพราหมณ์อยูในเมืองกลิงคราษฎร์ เที่ยวท่องขอทานไปทั่ว และด้วยนิสัยประหยัด มัธยัสถ์ รู้จักอดออม เงินที่ขอเขามาเก็บไว้จึงมากมายเข้าขั้นเศรษฐี ชูชกนำไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้  

ครั้นเมื่อกลับไปทวงถาม  ปรากฎว่าเพื่อนได้ใช้เงินหมดไปแล้ว
เลยยกลูกสาวคือนางอมิตดาวัยแรกรุ่นสวยงามให้แทน


ทั้งที่ชูชกมีรูปร่างอุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่นางอมิตดาก็ขยันปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี
 นางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง  ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนางอมิตดาทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดา พราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น ในไม่ช้า บรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตนที่มิได้ประพฤติตนเป็น แม่บ้านแม่เรือนอย่าง นางอมิตดา
ทำให้พวกภรรยาพราหมณ์อิจฉาริษยามาคอยด่าทอนางอมิตดาอยู่ทุกวัน
นางอมิตดามาเล่าให้ชูชกฟัง ชูชกจึงบอกว่าต่อไปนี้นางไม่ต้องทำการงานสิ่งใด
ชูชกจะเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่าง  นางอมิตดาจึงว่า ..

"ภรรยาที่ดีจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร จะปล่อยให้สามีมาปรนนิบัติรับใช้ เราทำไม่ได้หรอก ลูกหญิงที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาดี ย่อมจะไม่นั่งนอนอยู่เฉยๆ ดีแต่ชี้นิ้วให้ผู้อื่นปรนนิบัติตน นี่แน่ะ ชูชก ถ้าท่านรักเราจริง ท่านจงไปหาบริวารมาปรนนิบัติรับใช้เราดีกว่า"

ชูชกได้ฟังดังนั้นก็อัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะไปหาข้าทาสหญิงชายมาจากไหน นางอมิตดา จึงแนะว่า

"ขณะนี้ พระเวสสันดรเสด็จออกมาจากเมืองสีพี มาทรงบำเพ็ญพรตอยู่ในป่า พระองค์เป็นผู้ใฝ่ในการบริจาคทาน
ท่านจงเดินทางไปขอบริจาคพระชาลี กัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นข้าทาสของเราเถิด"
ชูชกจึงไปทูลขอ พระโอรสธิดาเพื่อเป็นข้าช่วงใช้ของตน พระเวสสันดรทรงมีพระทัยยินดีที่จะทรงกระทำบุตรทาน
คือ การบริจาคบุตรเป็นทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
เมื่อได้ตัวพระชาลี กัณหา แล้วระหว่างเดินทางกลับบังเอิญผ่านไปหน้าที่ประทับพระเจ้าสญชัยทรงทอด พระเนตรเห็นพระนัดดาทั้งสองก็ทรงจำได้ จึงให้เสนาไปพาเข้ามาเฝ้า ชูชกทูลว่า พระเวสสันดรทรงบริจาคพระชาลีกัณหาให้เป็นข้าทาสของตนแล้ว
พระเจ้าสญชัยก็โปรดให้เบิกสมบัติท้องพระคลังมาไถ่ตัวพระนัดดาจากชูชก และโปรดให้จัดข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงดูชูชก 
ชูชกพราหมณ์เฒ่าขอทาน ไม่เคยได้บริโภคอาหารดีๆ ก็ไม่รู้จักยับยั้ง บริโภคมาจนทนไม่ไหว ถึงแก่ความตายในที่สุด 

                                                                      ที่มา : http://www.everykid.com/nitan2/chu/index.html

เต่าทะเลของไทย



               เต่าทะเลของไทย จะพบว่าตอนนี้เต่าทะเลกำลังใกล้จะสูญพันธุ์ จึงมีหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ได้เข้ามาช่วยดูแลและเพาะขยายพันธุ์เต่าทะเลของไทย เช่น ที่กองทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ที่ได้เพาะขยายพันธุ์เต่าทะเลขึ้น และนำไปปล่อยสู่ท้องทะเล
                ดิฉันจึงอยากเชิญชวนทุกๆคน หันมาช่วยกันอนุรักษ์เต่าทะเลกันนะค่ะ เต่าทะเลจะได้อยู่คู่ทะเลไทยไปนานๆ

                                                                                                     ปุ๋ยหมัก


                                                                                     
ไส้เดือนทะเล หน้าตาประหลาด ใต้ท้องทะเลลึก

 เมื่อมองสัตว์ประหลาดตัวนี้แล้ว ราวกับว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดผู้มาเยือนจากต่างดาว แต่
แท้จริงแล้วแหล่งอาศัยของมันอยู่ในโลกของเรา ใต้ท้องมหาสมุทร โดยมันมีชื่อ
ว่า Polychaetes (โพลีคีตา) หรือไส้เดือนทะเล สามารถทนกับภาวะความกดดัน ใต้
ท้องมหาสมุทร ถึง 1000 เมตร พื้นที่ที่แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องถึงได้
โดยลักษณะภายนอก ประกอบด้วยอวัยวะที่น่าเกลียดน่ากลัว ปากของมันสามารถ
ผลุบและโผล่ออกมาข้างนอกได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับการใช้ปากดักกิน
 
เหยื่อ 
โดยความยาวของมันเพียงแค่ 2-3 เซนติเมตร มันจะคลานไปกับพื้น ใช้ฟันแทะเล็มหา
 
อาหาร อาทิ แบคทีเรีย หรือ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมใต้ท้องทะเล
 
ซึ่งพลังงานของมันจะได้จากสารเคมีมากกว่าพลังงานที่ได้จากการสังเคราะห์แสง 
 
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 1970 ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำนักสำรวจลงสู่ใต้ท้องทะเลได้ ก็
 
สามารถพบ และสำรวจสัตว์น้ำหลากหลายชนิด และก็มักพบสัตว์ที่มีความสวยงาม และ
 
สัตว์ที่มีรูปร่างประหลาด เสมอ